วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

"เล่าประสบการณ์การป่วยเป็นโรค "มะเร็งเม็ดเลือดขาว ชนิด MM." โดย swk.supanee (Supanee.CSD)


โพสโดย คุณ swk.supanee ( Supanee.CSD ) เว็บ chiangraifocus.com

"เล่าประสบการณ์การป่วยเป็นโรค "มะเร็งเม็ดเลือดขาว ชนิด MM."


« เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 15:13:26 »
ดิฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในไขกระดูกสันหลัง ชนิด MM
รักษาด้วยการคีโม  ต่อด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือ ทำสเต็มเซลล์(stem cell)
ใช้ชีวิตอยู่ในห้องปลอดเชื้อ 40 วัน ได้รับการปล่อยตัวออกห้องปลอดเชื้อ
โรงพยาบาลศิริราช เมื่อ 7 มกราคม 2555  ปัจจุบันหายแล้ว
ใครอยากจะสอบถามเรื่องการรักษา เชิญได้นะคะ   053-744904


« เมื่อ: วันที่ 02 กันยายน 2012, 19:21:37 »
ขอโทษนะคะ สงสัยว่าจะเล่าเรื่องย่อเกินไป 7 วันแล้ว มีคนอ่านร้อยกว่าคน
ก็รู้สึกว่าดีมากเลย เนื่องจากเป็นครูที่มีอายุเกือบจะ 60 ปีแล้ว
อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาให้อ่าน ที่จริงตั้งใจว่า
จะพิมพ์เป็นหนังสือแจกตอนฉลองอายุครบ 60 ปี แต่ว่าตอนนี้เหงา
ไม่มีงานทำ เนื่องจากเออรี่ฯแล้ว ลูกเลยสอนให้เข้าดูเชียงรายโฟกัส
ต้องขอบคุณผู้ก่อตั้ง เจ้าของ และพนักงานที่ช่วยดูแล มา ณ ที่นี้
เรื่องที่จะเล่าหากไม่เหมาะสม หรือวางไว้ผิดหัวข้อ ช่วยแนะนำด้วย มือใหม่จริงๆ


« เมื่อ: วันที่ 02 กันยายน 2012, 21:26:10 »
ตอน "ใครๆ ก็บอกว่าโชคดีที่กระดูกหลังหัก"

อาการเริ่มแรกยกของหนักวันนี้ อีก 2 วันจะปวดบั้นเอว
เป็นอย่างนี้มานานหลายสิบปีแล้ว กลัวว่า
จะเป็นโรคไตใช้ความอดทนแทนการกินยาแก้ปวด

เมื่อพค.2554ได้ไปพักบ้านพี่สาวที่กทม.
ไปยกฝาปิดถังเก็บน้ำชักโครกดูอาการน้ำไหลไม่หยุด
พอยกฝาปิดไว้เหมือนเดิม ก็ได้ยินเสียงดังกึกมาจากกระดูกสันหลัง
จากนั้นเข่าอ่อนทรุดลงหมดเรี่ยวแรง รพ.ศิริราชนำรถฉุกเฉินไปรับ

โชคดีประการแรกพี่เขยเป็นอาจารย์หมออยู่ที่นั่น โชคดีที่สองมีลูกศิษย์
เป็นหมอรังสีฯ ใช้พลังบุญที่ยังมีอยู่ ขอคิวเข้าMRI.ไม่งั้นหมอไม่ยอมผ่า

หลังหัก 8 พค ผ่า 10 พค.ตีหนึ่ง ทรมานมากเจ็บปวดแสนสาหัส ชาท่อนล่าง
ใครเคยเข้าอุโมงค์MRI.บ้าง เขาเลื่อนตัวเราเข้าๆ ออกๆ มีเสียงรัวเหมือน
เสียงปืนใหญ่ดังตูมตาม เสียงปืนเล็กรัวใส่เราไม่ยั้ง
ใช้เวลาประมาณเกือบ  2 ชม. หมอห้ามดิ้นห้ามขยับตัวแม้แต่น้อย
พอออกจากอุโมงค์หมอปรบมือให้  ชมว่าเก่งมากนิ่งมาก
ความรู้สึกตอนนั้นอยากจะผ่าหลังเร็วๆ เลยสวดมนต์ตลอด
เพื่อกลบเสียงดังๆ ใส่ใจกับบทสวดมากกว่าเสียงรบกวน
แล้วผลจากการผ่าหลัง  ทำให้รู้ว่า
"มะเร็งกินกระดูกฉันยุยเหมือนดิน ข้อที่ 12 ส่วนข้อที่ 11 หัก"

ไว้เล่าต่อ


« เมื่อ: วันที่ 04 กันยายน 2012, 18:17:48 »
"ตอนอาบน้ำบนเตียง"
หลังผ่าตัดหลังเสริมกระดูกแล้ว ขาอ่อนแรงเดินไม่ได้
ตอนเช้า 6 โมง พยาบาลจะมาอาบน้ำให้บนเตียง
พลิกตัวเอาผ้ายางรองที่เตียง ใช้น้ำ 2 กะละมัง
เช็ดสบู่ก่อน ที่แขน ขา ตามด้วยลำตัว แล้วเช็ดด้วย
น้ำสะอาดอีกครั้ง เช็ดตัวให้แห้ง ทาโลชั่นบำรุงผิว
ไม่ชอบทาแป้ง ฝุ่นจากแป้งอาจจะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ได้
อาบน้ำบนเตียง 2 อาทิตย์ เป็นธรรมชาติของผู้ป่วยที่
นอนห้อง ccu. ต้องทำเหมือนกัน แรกๆก็เขิน หลายวันเข้า
ก็ชินไปเอง สบายตัวออก


« เมื่อ: วันที่ 06 กันยายน 2012, 14:38:55 »
ขอบคุณมากค่ะ ที่เป็นกำลังใจให้
วันนี้จะเล่า   "ตอนกำลังใจ"

ถ้าคุณหมอบอกว่าคุณเป็นมะเร็ง อารมณ์ความรู้สึกคุณเวลานั้น
คนไม่เคยเจอ คงคิดไม่ออกนะ....

ส่วนกรณีนี้โชคดีที่หลังหัก แล้วก็เจอคุณมะเร็งพอดี
หมอบอกว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 1 สแกนกระดูกทั่วตัวแล้ว
มีแค่จุดเดียวที่กินกระดูกจนยุยนี่แหละ  หมอมีทางรักษาให้หายได้
โดยการ คีโม ต่อด้วยการทำสเต็มเซลล์

แม้ว่าจะยังไม่มีความรู้เรื่องวิธีการทำคีโม และสเต็มเซลล์
แต่แค่ได้ยินว่าหมอรักษาให้หายได้  ก็พอจะมีกำลังใจสู้
แต่กำลังใจที่ดีที่สุดคือ คนในครอบครัว คนใกล้ตัว
เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน  กัลยาณมิตรทุกคน  ทยอยกันไปเยี่ยมถึง
ศิริราช บ้างก็โทรฯถามอาการ ให้กำลังใจ ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจที่จะต่อสู้
กับความเจ็บปวด ทรมาน ต่างๆได้  อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เขาคอยห่วงใย
เราอยู่ตั้งหลายคน ขอบคุณทุกๆ กำลังใจค่ะ
      "คุณไม่สู้แล้วใครจะสู้แทนคุณได้"


« เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2012, 23:43:20 »
เล่าเรื่องการทำ "คีโม" สำหรับคนเป็นมะเร็ง

     การรักษาคนเป็นโรคมะเร็ง ด้วยการทำ "คีโม"
เขาจะใช้น้ำเกลือ 1 ถุง ฉีดยาเคมีบำบัดลงไปในถุงน้ำเกลือ
แล้วเอาไปฉีดเข้าเส้นเลือด ที่มือ หรือที่แขนคนไข้
เท่าที่เห็นคนไข้ที่เป็นมะเร็งอวัยวะในช่องท้อง เช่น
มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้เล็ก ใหญ่ มะเร็งตับฯ
จะใช้เวลาในการฉีดยาเคมีบำบัด หรือคีโม ประมาณ 2 ชม.

คนไข้ที่จะรับคีโม จะต้องไม่เป็นไข้ แล้วเตรียมใจ ทำใจ
ให้สบาย ไม่ต้องกังวลพยาบาลเขาแทงเข็มฉีดยาเก่งมากๆ
ไม่มีพลาด หลังการทำคีโม ส่วนใหญ่จะทานอาหารไม่ค่อย
อร่อยเหมือนเดิม อยากอาเจียร เพลีย ตัวช่วยคือ ไข่ต้ม ให้กิน
เฉพาะไข่ขาว แทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ กินได้วันละหลายฟอง
กล้วยซื้อให้คนไข้ชิมหลายๆ ชนิด กินกล้วยให้มีอาหารอยู่ท้องบ้าง

ช่วงนี้ให้เอาใจคนไข้มากๆ อดทนทั้งคนไข้ และญาติผู้ดูแล
ผู้ป่วยเขาไม่สบายตัว กลัว กังวล ปลอบใจเขาว่าเป็นได้ก็หายได้
เขาอยากกินอะไรก็พยายามหาให้กิน
"กายป่วย แต่อย่าให้ใจเขาป่วย"


« เมื่อ: วันที่ 25 กันยายน 2012, 19:22:48 »
วันนี้จะเล่าประสบการณ์ "การปลูกถ่ายไขกระดูก" หรือทำสเต็มเซลล์
     หลังการทำคีโม 4 ชุด ชุดละ 240,000.-บาท ฉีดคีโมอาทิตย์ละ 2 วัน
ติดต่อกัน 2 อาทิตย์ เว้น 2 อาทิตย์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงกันยายน 2554

     คนไข้ที่เป็นมะเร็งบริเวณในช่องท้อง จะใช้เวลาคีโมประมาณ 1 ชม.
ส่วนของดิฉันฉีดแค่ 2 นาทีเสร็จ ไม่แพ้เหมือนคนอื่นๆ  แต่ฉีดชุดสุดท้าย
     แพ้อาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ กินแล้วจะขมปาก
ดีมากเลย แพ้น้ำมันประมาณ 3 อาทิตย์  น้ำหนักลดลงหลายกิโล

ใครจะเอาสูตร"ไม่กินอาหารที่มีส่วนประกอบจากน้ำมัน และเนื้อติดมันเลย"
ไปใช้ลดความอ้วนได้ผลแน่นอน พิสูจน์แล้ว

     ปลายเดือนกันยายน กลับเข้านอนรพ.ศิริราชอีกครั้ง เพื่อเก็บสเต็มเซลล์
ดิฉันใช้เซลล์ของตัวเอง เพราะผลเลือดดี ไม่เป็นโรคความดัน เบาหวาน ฯลฯ
เขาผ่าตัดเจาะที่คอค่อนลงข้างล่างด้านขวามือ แล้วใส่เหล็กสีขาวๆ ส่วนหัวที่
แทงเข้าไปจะมีช่องเอาไว้ดูดเซลล์ (คล้ายหัวปั๊มสูบน้ำประมาณนั้น)

ส่วนปลายเหล็กเสียบคอนั้น แทงขึ้นมาเหมือนเสาอากาศโดเรม่อน เอาแนบไว้
ที่แก้มขวา นอนตะแคงซ้ายได้อย่างเดียว ตอนเช้าไปที่ห้องเก็บสเต็มเซลล์
เขาให้นอนเอนตัวนิดหน่อย เอาสายเสียบส่วนปลายที่เหมือนเสาอากาศ
ดูดออก ผ่านตัวเครื่องใหญ่เท่าตู้เย็น 10 คิว ทำประมาณชั่วโมงกว่าๆ ใจหวิว
หายใจติดขัด
หมอและพยาบาลออกไปคุยกันหน้าห้องเรื่องน้ำท่วมบ้านนั้นบ้านนี้
ดีว่าลูกสาวอ่านหนังสืออยู่เฝ้าแม่ ออกไปเรียกหมอทัน ไม่งั้นคงไม่มีลมหายใจ
มาเล่าให้ฟังในวันนี้ หมอฉีดโปรตัสเซียมให้ค่อยหายใจโล่งขึ้น ส่วนใหญ่จะมี
อาการแบบนี้ หมอเขาเตรียมไว้ฉีดให้อยู่แล้ว
วันรุ่งขึ้นกลับเข้าไปเก็บเซลล์อีก  วันที่สองไม่มีอาการ
เพราะหมอเจาะเลือดไปตรวจดูก่อน ว่าเราจะขาดธาตุอาหารตัวไหน
ก็เติมให้ก่อนเข้าเก็บเซลล์ ใช้เวลาเก็บเซลล์ 2 วัน นอนที่ รพ.
เพื่อถอดเสาอากาศที่คอออก พักอีก 2 วัน กลับไปรอที่บ้านเพื่อรอหมอเรียกตัว
ไปปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ หรือที่เรียกว่าทำสเต็มเซลล์
        "โปรดอย่าทิ้งคนไข้ที่ เติมน้ำเกลือ เติมเลือดฯ ไว้คนเดียวอาจถึงตาย"


« เมื่อ: วันที่ 26 กันยายน 2012, 07:45:49 »
 ตอนที่ดูดไขกระดูกออกไป ไม่เจ็บ ทำเสร็จก็ไม่เจ็บ
เพียงแค่เจ็บแผลที่เจาะคอ พอผ่าตัดดึงเสาอากาศออก
(หมายถึงท่อที่ผ่าเสียบเข้าไปดูดเซลล์)
รู้สึกเจ็บแผล 3 - 4 วัน แผลกว้างประมาณ 1/2 ซม.เท่านั้น

     ตอนแรกก็รู้สึกกลัวว่า  เขาเจาะเอาไขกระดูกเราไป แล้วเรา
ยังจะใช้ชีวิตปกติหรือไม่ จะอ่อนแอลงไหม ผลปรากฎสบายดีคะ
     เพียงแต่ว่าเราควรจะอยู่บ้าน ถนอมรักษาร่างกาย และสภาพแวดล้อม
ในบ้านให้สะอาด ปลอดโปร่ง อยู่เสมอ  จิตใจก็สำคัญ
     "ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวล ถ้ามันเกิด เราก็แก้...."

« เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 23:04:01 »
ห่างหายไปนานเลยค่ะ
     ตอนนี้จะเล่าลำดับการเตรียมตัวเข้าห้องปลอดเชื้อ
     เพื่อเตรียมปลูกถ่ายไขกระดูก หรือทำสเต็มเซลล์
           ให้เตรียมตัว และของใช้ส่วนตัว
     เข้าห้องปลอดเชื้อ ทุกอย่างต้องสะอาดสุดๆ
     1.เสื้อกันหนาว, หมวก, ถุงมือ และผ้าห่มนวม ซักใส่ถุงพลาสติก
        แบ่งไว้เป็นถุงๆ
     2.แปรงฟันใช้แบบนาโน ไม่ให้มีความคมมากจะทำให้
        เกิดแผลในปากอาจเกิดการติดเชื้อได้ ห้ามใช้ไม้จิ้มฟัน
        ยาสีฟัน สบู่ แชมพูเด็ก เพราะโกนผมออกหมด มีคนแนะนำว่า
        โกนผมออกแล้วผมใหม่จะขึ้นดกดำ เป็นจริงอย่างที่เขาบอก
        มีผมใหม่ขี้นเยอะกว่าเก่า  ผมนิ่ม แต่ผมหงอกไม่ยักหาย
        ใช้ครีมทาผิวชนิดครีมเข้มข้น ในห้องหนาวมาก ผิวจะได้ไม่แห้ง
        ผิวแห้งจะรู้สึกคันเนื้อตัวได้  ใช้ทิชชูกล่องอย่างดีไม่มีขุ่ย
        ควรใช้ของใหม่แกะกล่องทุกอย่าง ปลอดเชื้อโรคดี
     3. เตรียมซีดี หนังสือสวดมนต์ (ตอนเช้าสวดมนต์)
     4. เอาโน๊ตบุ๊คลงโปรแกรมคาราโอเกะ (ตอนบ่ายร้องเพลง)
         เป็นการผ่อนคลาย เวลาที่ว่างจากการดูทีวี จะฟังซีดีเพลงที่ชอบ
     5. เอาผ้าปักครอสติชเข้าไปได้ จะทำได้ช่วงที่รอคิวก่อนเข้าห้องผ่าตัด
     6. ใช้โทรศัพท์มือถือได้ ในห้องมีทีวีให้ดูช่องปกติ ไม่มีดาวเทียม
     7. เอาเงินฝากพยาบาลสองพันบาท ไว้ฝากซื้อน้ำผลไม้ และของ
         ใช้ส่วนตัว
         "ตื่นเต้นมาก  เราจะอยู่ในห้องคนเดียว โดยไม่มีญาติ 1 เดือนเลยหรือนี่"


« เมื่อ: วันที่ 08 ธันวาคม 2012, 16:48:07 »
ตอนที่ยังนอนรอคิวเข้าห้องผ่าตัดเจาะอก
ญาติเยี่ยมได้จำกัด  พ่อแม่ ภรรยาสามี หรือลูก
หลังจากคนไข้ได้รับการผ่าตัดเจาะอกแล้ว
ไม่จำเป็นจริงๆ ญาติไม่ควรเข้าเยี่ยม เพราะอาจจะ
เป็นอันตรายต่อคนไข้  คนไข้จะภูมิต้านทานต่ำมาก

     ณ ห้องปลอดเชื้อ ศูนย์ปลูกถ่ายไขกระดูกจุฬาภรณ์ รพ.ศิริราช
อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 6 ทิศใต้ เป็นอาคารที่ในหลวงทรงประทับรักษา
อยู่ที่ชั้น 16 ส่วนชั้น 14 จะแบ่งส่วนเป็นห้องเครื่อง หรือห้องครัว ภรรยาของเพื่อน
สาวสวยจากเมืองแพร่ เป็นผู้ปรุงเครื่องแกง
จะมาเข้าเวรปรุงพระกระยาหารเฉพาะแกงถวายอาทิตย์เว้นอาทิตย์

ดิฉันพักอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ 40 วันที่นี่ นอกจากจะปลอดภัยจากเชื้อโรคแล้ว
ยังปลอดภัยชนิดที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีภัยใดๆ มากล้ำกลายอีก
ภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของในหลวง เพราะบริเวณใกล้เคียง ล่างตึก
บนตึก หน้าลิฟท์ มีกล้องวงจรปิด และมีทหารรักษาการณ์เต็มไปหมด ปลอดภัย 100%
     ส่วนประตูหน้าห้องมีคีย์การ์ด ด้านนอกมีประตู 2 ชั้น มีห้องประชุม ห้องพักแพทย์
อีกประตูทุกคนต้องเปลี่ยนรองเท้า ผ่านอีกประตู เป็นเคาเตอร์พยาบาล ถัดไป
เป็นห้องนึ่งอาหารที่ปรุงมาจากครัวรพ.ต้องนึ่งซ้ำฆ่าเชื้ออีกครึ่งชั่วโมง ก่อนส่งเข้า
ห้องให้ผ้ป่วยรับประทาน และต้องนึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะใช้กับผู้ป่วย เช่นนึ่งแก้วน้ำที่ใช้ดื่ม
แก้วน้ำที่ใช้แปรงฟัน ช้อนส้อม ถาดใส่อาหาร
     หน้าห้องผู้ป่วยจะไม่เปิดเผยชื่อคนไข้ มีอยู่ 6 ห้อง อีกฟากจะเป็นห้องปลูกถ่าย
ไขกระดูกสำหรับเด็ก เด็กเล็กก็ทำสเต็มเซลล์กัน ห้องเด็กเล็กมีผู้ปกครองเฝ้าได้ 1 คน
     ตอนหน้าจะเล่าเรื่องประชุมญาติให้รับรู้เรื่องการรักษา และค่าใช่จ่าย


« เมื่อ: วันที่ 08 พฤษภาคม 2013, 23:54:35 »
  ขอโทษท่านที่ติดตามอ่าน ช่วงปลายปีเก่าเข้าปีใหม่ยุ่งๆ งานโรงแรม ไม่ได้พิมพ์เล่าต่อ
มีคนไข้ และญาติๆโทรศัทพ์เข้าเบอร์โรงแรมคุยด้วยหลายราย ขอเพิ่มมือถือ081-9931987
พอดีลืมรหัสผ่าน ลูกช่วยเปลี่ยนชื่อใหม่ จึงกลับมาเล่าต่อได้อีกครั้ง


   
     รูปข้างบนเป็นซี่โครงดิฉันเองถ่ายเมื่อ 22เมย.2556 ไม่ต้องกลัวเจ้าของยังมีชีวิตอยู่ค่ะ
กระดูกสันหลังหักยุบ ข้อที่ 12 คุณมะเร็งเคยมาอาศัยอยู่เมื่อ 2 ปีก่อน

     วันนี้วันที่ 8 พค. 2556 เป็นวันครบรอบ 2 ปีที่กระดูกหักยุบ เขากัดกินจนกระดูกยุย
ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอมนต์ชัยที่ผ่าหลังเอาเหล็กดามให้ ตอนนี้ท่านไปศึกษาต่อต่างประเทศ
ที่ทราบเพราะท่านไปเยี่ยมบอกลา   ตอนที่พักอยู่ห้องปลอดเชื้อรอปลูกถ่ายไขกระดูก ขออวยพร
ให้ท่านเรียนสำเร็จเร็วๆ กลับเมืองไทยช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระดูกให้หายทรมาน
     ตอนที่ดิฉันรอผ่าตัดกระดูกหลังหัก 8 พค 2554 เวลา 8 โมงเช้า ได้คิวผ่าตัดวันที่ 10 พค.
เวลาตี 1 นอนเจ็บปวดทรมาณ 2 วัน พยาบาลไม่อยากเข้ามายุ่งกับดิฉันถ้าไม่จำเป็น เหมือนคน
ไม่มีสติ ร้องโวยวายเมื่อมีการมาแตะเนื้อตัว เจ็บมากๆ  หลับมากกว่าตื่น ทนอยู่ได้เพราะถูกฉีดมอร์ฟิน
     ดิฉันหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เชื้อโรคในร่างกายของข้าพเจ้า โดยเฉพาะคุณมะเร็ง
ขออโหสิกรรม ขอให้คุณมะเร็ง ไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นๆ เรื่อยๆตามที่ปรารถนาด้วยเทอญ


« เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2013, 19:33:11 »

ประชุมญาติ
          เชิญญาติประชุม ดิฉันมีสามี และลูก 2 คนเข้าประชุม
คุณพยาบาลแจ้งว่า
          - การเตรียมของใช้ส่วนตัว รายละเอียดเล่าไว้ตอนก่อนหน้านี้แล้ว
          - ขั้นตอนการรักษา  รอคิวผ่าเจาะอก เอาตัวอย่างหุ่น และภาพเจาะอกให้ดู
             หวาดเสียว นึกภาพยังไม่ออกว่า จะทำกิจวัตรประจำวันอย่างไร ท่าไหนดี
             เจ็บมากไหมหนอ ระหว่างนี้ญาติเยี่ยมให้กำลังใจกันได้
          - การปฏิบัติตัว หลังเจาะอก เพื่อรับการปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ (ทำสเต็มเซลล์)
            ร่างกายต้องสะอาดสุดๆ ใหม่ๆ พยาบาลจะมาช่วยสอนจัดท่าทาง อาบน้ำ
            ไม่ให้แผลเปียก สอนถอดเสื้อ ใส่เสื้อเพราะมีเส้นเลือดสีขาวเพิ่มสองเส้น
            จะมีภาพให้ดูอีกตอนค่ะ  ญาติเข้าเยี่ยมได้เท่าที่จำเป็น
          - การปฎิบัติตัวหลัง นำเซลล์ใหม่ใส่ลงไปในท่อสีขาว ขอเรียก"สายเลือดสีขาว"
            ที่เจาะสอดเข้าอกไป ถ้าใครใช้เซลล์ตัวเองทำสเต็มเซลล์ จะไม่ค่อยมีอาการแพ้
            ถ้าใช้เซลล์ญาติๆ จะมีอาการแพ้มากกว่า ดิฉันใช้เซลล์ตัวเองค่ะ
            ญาติเข้าเยี่ยมได้เท่าที่จำเป็น ถ้ามีอาการแพ้ คงต้องการกำลังใจจากญาติมากเป็นพิเศษ
          -
           ตอนต่อไปจะเล่ารายละเอียด การทำกิจวัตรประจำวัน

   
« เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2013, 21:30:49 »


  ภาพเจาะอก บริเวณนมซ้ายค่อนไปทางด้านกลางอก
            เจาะใส่เส้นท่อสีขาวสองช่อง ช่องละเส้นห่างกันนิ้วครึ่ง กว้างประมาณ 1 ซม.
           ปิดผ้ากลอสแปะทับด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ สายโยงออกมาแปะไว้ที่หน้าอกเสื้อ
              ช่องแรกใช้ฉีดเข้า  ช่องสองไว้สูบออกมา ขอเรียกว่า "เส้นเลือดสีขาว"


« เมื่อ: วันที่ 23 มกราคม 2015, 17:18:07 »
 สวัสดีปีแพะ 2558 และแล้วดิฉันก็มีชีวิตอยู่ต่อถึง 60 ปี
ข้อความทั้งหมดที่พิมพ์ลงในเชียงรายโฟกัส สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
ถูกส่งต่อ ไปยังหัวข้อ "เล่าประสบการณ์ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว MM."
นับถึงวันเวลานี้ มีผู้สนใจอ่าน 8,555 คน มีผู้ป่วย และญาติๆ โทรฯ สอบถามมากราย
รู้สึกเสียใจที่มีคนป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มมากขึ้น และพวกเขากังวลใจในหลายๆ เรื่อง
เกี่ยวกับการรักษา ค่าใช้จ่าย คุ้มไหม หมายถึงจะอยู่ได้อีกนานหรือปล่าว ฯลฯ

        จึงคิดว่าคงจะต้องเล่าประสบการณ์ต่อไป เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเสีย
ค่าโทรฯ
        ดิฉันเป็นครูภาษาไทย ได้รับเกียรติสูงสุด ได้รับคัดเลือกให้เป็น
ครูภาษาไทยดีเด่น ปี ๒๕๔๕ เข้ารับเข็มจารึกอักษรย่อพระนามาภิไธยย่อ สธ.
ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และโล่เกียรติคุณของ
รมต.กระทรวงศึกษาธิการ ณ หอประชุมคุรุสภา กทม.
         แต่ภาษาที่จะเล่านั้น บางครั้งจะขออนุญาตเล่าโดยใช้ภาษาพูด
เพื่อผู้อ่านจะได้รับรู้อารมณ์ของผู้ป่วยเป็นอย่างดี เพราะภาษาไทยมีวรรณยุกต์
ทำให้การสื่อสารชัดเจนมากขึ้น
         ขอเริ่มเรื่องต่อจากเดิม "การเข้าห้องปลอดเชื้อ"
         สิ่งที่เตรียมใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เพื่อจะอยู่ได้อย่างไม่เหงา เมื่อปี 2554
มือถือยังไม่มี เฟรชบุ๊ค และไลน์  จึงมีโน๊ตบุ๊ค ไม่มีเน็ตให้เล่นเป็นเพื่อน ได้รับการตรวจ
ทรัพย์สินจากคุณพยาบาล อย่างละเอียด


« เมื่อ: วันที่ 16 สิงหาคม 2016, 20:01:31 »
กลับมาอีกแล้วค่ะ หมายถึง ค่ามะเร็ง
ในเลือด ตรวจพบเมื่อ พ.ค.2558
ค่าโปรตีน 3.5 และเริ่มได้รับยาเคมีบำบัด
เมื่อเดือน พ.ย.2558 ครบ 32 เข็ม
เมื่อเดือน ก.ค. ชุดละ 4 เข็ม จำนวน 8 ชุด
จากนั้นเจาะไขกระดูก ไม่พบเชื้อมะเร็ง
ในไขกระดูก แต่ค่าโปรตีนยังคงมี 2.62
ต้องกินยาเคมีเม็ด ต่ออีก 2 สัปดาห์/ครั้ง
รอพบแพทย์ ตรวจเลือดอีกครั้ง 20 ก.ย.59

หมายเหตุ  ออกจากห้องปลอดเชื้อ  7 มกราคม 2555
ตรวจพบอีกครั้ง  พฤษภาคม 2558

26 ตุลาคม 2560 มะเร็งของพลาสมาเซล (Multiple Myeloma) นั้นดื้อต่อเคมีบำบัดเสมอมา

จาก   http://visitdrsant.blogspot.com/2017/10/multiple-myeloma.html มะเร็งของพลาสมาเซล (Multiple Myeloma) นั้นดื้อต่อเคมีบำบัดเสมอมา ...